วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

FW: ส่งต่อ: มีเวลามาขาย‏

ร้านขายเวลา จากเว็บรักลูก


ในตอนค่ำวันหนึ่ง
ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่คลุมด้วยผ้าห่มลายนกนางนวลสีเขียว
แล้วก็มองไปยังหนังสือกองโตที่ค้างคา รอให้ฉันไปอ่าน
เสียงถอนหายใจของฉันทอดยาว รับกับเสียงพัดลมขายาวที่ส่งเสียงครางเบาๆ
แถมช่วงเวลานั้นอากาศก็ช่างเป็นใจ เพราะอากาศเย็นสบายกำลังดี
ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก ฉันจึงเผลอหลับไป


ฉันพบตัวเองอีกทีที่หน้าอาคารหลังให­่ดูเหมือนจะสร้างด้วยหินอ่อนลักษณะ
คล้ายธนาคารมีบันไดหินสีขาวเป็นมันวับเรียงรายเป็นชั้นๆ
สุดบันไดขั้นสุดท้ายมีประตูกระจกติดฟิล์มกรองแสงเข้ม
มีป้ายแผ่นหนึ่งแขวนไว้ตรงประตูเขียนข้อความว่า "มีเวลาขาย"
ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือเพราะอะไรกันแน่
ที่ทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวขึ้นไปบนอาคารหินอ่อนแห่งนั้น
เมื่อเอื้อมมือผลักประตูกระจกเข้าไป ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกาย

ภายในสถานที่นั้นดูโอ่โถงและสวยงามราวกับห้องรับรองชั้นดีมีโต๊ะไม้สีเข้มตัวยาว
ซึ่งกองแฟ้มเอกสารเรียงรายอยู่บนนั้น ชายหนุ่มคนที่นั่งประจำโต๊ะเอ่ยทักทายฉัน

ท่าทางเขาอบอุ่นและเป็นมิตร


"สวัสดีครับ" ... "ค่ะ" ฉันตอบรับคำเขาเบาๆ
"ผมคิดว่าคุณคงจะไม่ได้มาซื้อเวลา ท่าทางคุณยังเป็นเด็กอยู่เลย
อายุคงยังไม่เกิน 20 ปี"

"ฉันไม่ได้มาซื้อเวลาหรอกค่ะ" ฉันตอบไปทั้งๆ
ที่ยังไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือบริการอะไรกันแน่ ที่เขากำลังขายอยู่
"เพียงแต่ว่าฉันอยากมาดูผู้คนแล้วก็การซื้อขายของคุณเท่านั้น"

"ตามสบายเลยครับ" เขายิ้มอย่างมีไมตรี
"เชิญ­นั่ง" เขาผายมือไปทางโซฟาชุดที่ตั้งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง
ฉันจึงถอยไปทรุดตัวลงนั่ง

ลูกค้าคนแรกที่ฉันพบในอาคารขายเวลาคือชายร่างเล็กผอมเกร็งผมขาวโพลน
ใบหน้าซีดเหลือง เขาพยุงตัวให้ก้าวผ่านบันไดทีละขั้นๆ อย่างลำบากยากเย็น
จนกระทั่งผลักประตูมาหยุดยืนตรงหน้าชายขายเวลา
"ผมมาขอซื้อเวลาที่ผ่านไป...ห้าปี" น้ำเสียงเขาแหบแห้ง และสั่นพร่าอย่างคนที่กำลังป่วยหนัก
"หมอบอกว่าผมมาหาหมอช้าไปห้าปี ไม่อย่างนั้นแล้วโรคก็คงมีวิธีรักษาให้หายได้"

คนต่อมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวสะอาดสะอ้านเพียงแต่ว่าดูหม่นหมองและหมดหวัง....
"ขอซื้อเวลา สามเดือน" เขาพูดกับชายขายเวลา
"คุณรู้ไหม ผู้ห­ิงที่ผมรัก เธอไปเมืองนอก เมื่อสามเดือนก่อน
เราคบกันมาเป็นปีแต่ผมก็ยังไม่เคยบอกรักเธอทั้งๆ ที่รักเธอมาก เธอไปโดยไม่รู้อะไรเลย"
ชายขายเวลามีทีท่าว่าเห็นใจ



ฉันคิดว่าเขาเป็นนักขายเวลาที่มีความอดทนมากทีเดียวที่จะต้องพบลูกค้าที่

ล้วนแล้วแต่มีปั­หาต่างๆ กันไป พร้อมๆ กับนึกเสียดายแทนผู้ชายคนนี้ที่เขาผ่านเวลาร่วมปี

ไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของเวลาเหล่านั้น... เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว


ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนั้นจะก้าวพ้นประตูออกไป ห­ญิงสาวคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามา

หล่อนสวมชุดไว้ทุกข์สีดำ ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตา ดวงตายังมีรอยบอบช้ำ


"อยากได้เวลาค่ะ สักสองปี ปีเดียวหรือเพียงครึ่งปีก็ได้" หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก
"ผมคิดว่าคุณคงมีปัญ­หาเกี่ยวกับเวลาในอดีตเหมือนคนอื่นๆ" ชายขาย

เวลากล่าวขึ้น
"ค่ะ" หล่อนรับคำเสียงแผ่ว ...
"คุณแม่ของดิฉันเพิ่งเสียเมื่อสองวันก่อน ท่านดีกับฉันมาก
เลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจแต่ดิฉันยังไม่ทันทำอะไรให้แม่ชื่นใจเลย
มีแต่ตั้งแง่ตั้งงอน ท่านก็มาด่วนจากไป"
"คุณเลยอยากซื้อเวลาที่ผ่านไปเพื่อทำดีกับคุณแม่ของคุณ"



ฉันนึกเวทนาหล่อน เวทนาที่หล่อนมาคิดอะไรอะไรได้ก็เมื่อสายไป ถ้าหากหล่อนได้ทำ

อะไรไปตั้งนานแล้ว ก็คงไม่ต้องมานึกเสียดายตอนนี้ วูบหนึ่งจึงนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง



คนต่อมาเป็นเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเขายังอ่อนเยาว์ แต่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล

"ต้องการเวลาเท่าไหร่ดีครับ" ชายขายเวลาถามขึ้นก่อน"สองปี" เขายิ้มอย่างอ่อนเพลีย
"ผมอยากกลับไปเลือกแผนการเรียนใหม่ผมพลาดไปในตอนนั้น
บางทีผมอาจเริ่มต้นใหม่ด้วยดี จะได้เรียนวิชาที่ชอบแทนวิชาที่น่าเบื่อตอนนี้"
แล้วเขาก็จากไป เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว



ฉันเห็นชายขายเวลาหลับตาลงในขณะที่กำลังเว้นว่างจากลูกค้า แต่เมื่อฉันขยับตัว

เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ฉัน ดวงตาเขาอบอุ่น



...เป็นเวลานานเท่าไรก็ไม่ทราบที่ฉันนั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมาล้วนแล้วแต่มีท่าที

วิตกกังวล ผิดหวัง เสียดาย เสียใจ แล้วก็มาซื้อเวลาไปเพราะว่าพวกเขา

ได้พลาดสิ่งที่น่าจะทำในอดีตแล้วชายขายเวลาก็ปิดแฟ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้น

มาทางฉัน สักครู่จึงเดินมาทรุดตัวนั่งเก้าอี้โซฟาข้างๆ

"จะปิดร้านแล้วหรือคะ" ฉันถาม
"ครับ... ได้เวลาแล้ว"

"ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ฉันเห็นจะต้องกลับเสียที"
ฉันพูดกับเขาทั้งๆ ที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉันจะกลับไปอย่างไร....
"เชิญ­ครับ ขอให้คุณจงใช้เวลาทุกวินาทีให้ผ่านไปอย่างมีคุณค่าและคุ้มค่าที่สุดนะครับ

ผมหวังว่า คงจะไม่เห็นคุณมาที่นี่เพื่อซื้อเวลานะครับ" เขากล่าวในที่สุด
"ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะไม่ลืมคุณ และที่นี่" ฉันลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นไฟก็ดับวูบ




ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่เกิดอะไรขึ้น
และฉันเอื้อมมือไปรูดผ้าม่านหน้าต่างสีครีม ผ้าม่านถูกเปิดออก
ท้องฟ้ายังไม่สว่างดีและไก่ก็ยังไม่ขัน

ฉันรีบเก็บที่นอนและกระโดดเข้าห้องน้ำอย่างสดชื่น
จากนั้นก็กลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิมซึ่งฉันไม่เคยนั่งมันอย่าง

จริงจังมานานแล้ว ....ฉันรู้สึกดีใจที่ฉันยังมีเวลาเหลืออยู่ ... ยังไม่สายเกิน
ไปที่จะเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ดีที่ฉันได้หวัง ได้ตั้งใจไว้
ซึ่งไม่เหมือนกับผู้คนเหล่านั้น...ที่ฉันพบที่อาคารขายเวลา...



เวลาไม่เคยรอใคร อย่าปล่อยเวลาไปโดยเปล่าๆ เพราะมันไม่มีวันย้อนกลับมาได้

ฉะนั้นจงใช้เวลาของคุณอย่างระมัดระวัง ใช้อย่างรู้คุณค่า และใช้ให้คุ้มค่าที่สุด

ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกว่า "วันนี้"

ไม่มีความคิดเห็น: