วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551

ตีแผ่ 10 Forward mails ลวงโลก -- ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

ตีแผ่ 10 Forward mails ลวงโลก -- ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

1. แก็งค์ขโมยอวัยวะ

เนื้อหาของFWD << ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีกระแสข่าวเกิดขึ้นในหลายจังหวัดว่ามีแก็งค์รถตู้ออกตระเวนจับคนไปตัดอวัยวะ ฆ่าทิ้งโดยควักอวัยวะไป หรือลักพาตัวหายไป ... กระแสข่าวนี้ มีทั้งในทีวี วิทยุ โทรทัศน์ และ อินเตอร์เนท
วิเคราะห์FWD >> ในเมื่อผมไม่ใช่ตำรวจ ก็คงไม่สามารถบอกได้ว่าจริงๆแล้วมีคนหายหรือตายในช่วงดังกล่าวเท่าไหร่ แต่มีข้อสังเกตบางสิ่งบางอย่างดังนี้
- ลักษณะข่าวหลายข่าว มีตั้งแต่การเจอศพที่ถูกฆ่าแล้วเปิดท้องเอาอวัยวะไป มีเด็กเจอจับแล้วก็มีคนควักลูกตาออกจากนั้นก็โยนเงินมาให้ มีคนโดนฆ่าทั้งครอบครัว ฯลฯ
... แต่หากลอง ถามย้อนสืบค้นกลับไปแล้วจะพบว่าไม่มีรายใดเลยที่ได้รับรู้ข่าวจากเหตุการณ์จริง
- ไม่มีข่าวใดขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์
- การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ต้องใช้ห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ในเมืองไทยทำได้ไม่กี่ที่ มีคนทำได้จำนวนไม่มาก
- หลังการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ต้องกินยาควบคุมภูมิคุ้มกันไป'ตลอดชีวิต'และต้องตรวจอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งผู้ที่เปลี่ยนอวัยวะในเมืองไทยจะมีอยู่จำนวนนึง ... ถ้ามีคนไทยที่ได้รับการเปลี่ยนอวัยวะอย่างผิดกฎหมาย ก็เป็นไปได้ยากที่จะไม่มีใครรู้ใครเห็น
- ที่สำคัญที่สุด ความสดของอวัยวะ ... เทคนิคที่จะทำให้อวัยวะสดใหม่พอที่จะนำไปปลูกถ่ายให้กับคนป่วยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ... การฆ่าคนแล้วเอาอวัยวะไปหลังจากคนๆนั้นตายแล้วเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะอวัยวะนั้นมักจะเสียคุณภาพและมีโอกาสที่จะเสียมาก ... ถ้าจะทำจริงๆน่าจะลักพาตัวไปจะง่ายกว่า
- และจากข้อข้างบน ... การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ต้องทำการจับคู่อวัยวะของทั้งผู้ให้และผู้รับ ... ดังนั้นการจะลักอวัยวะ ต้องทำการตรวจเลือดของผู้ให้และผู้รับและจับคู่กันให้ได้ (ส่วนมากมักเป็นญาติกัน โอกาสจะเจอจากคนที่ไม่ใช่ญาตินั้นน้อย) การที่ไปดักฆ่าใครมั่วๆซั่วๆแล้วตัดอวัยวะไป จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะมีขบวนการใด งี่เง่าพอที่จะไปทำ(เพราะไม่คุ้มทุน)

ที่มาของFwd : Fwdลักษณะนี้มีในอเมริกามาตั้งแต่ปี1998แล้วครับ

2. การกินวิตามินC ร่วมกับการกินกุ้งทำให้ตายได้

เนื้อหาของFWDในไทย << เป็นเรื่องราวที่เกิดในไต้หวันโดยมีกรณีที่พบผู้หญิงตายโดยไม่ทราบสาเหตุและมีศาสตราจารย์คนนึงไปร่วมชันสูตร และก็บอกว่าผู้หญิงคนนี้ตายจากการที่กินกุ้งพร้อมกับวิตามินซี ซึ่งเข้าไปทำปฏิกิริยากับสารหนูชนิดไม่มีพิษ As2O5 กลายเป็น As2O3 หรือสารหนูชนิดที่เป็นพิษทำให้ตายแบบเลือดไหลออกหมดตามทวาร

วิเคราะห์FWD >> จับผิดได้หลายจุด
- ข้อแรก ไม่มีรายงานทางการแพทย์ฉบับใดที่รายงานการเกิดพิษจากสารหนูจนถึงตาย จากการกินกุ้งพร้อมกับวิตามินซี ... ถ้ามันเป็นเรื่องที่ง่ายขนาดที่ศาสตราจารย์ทางการแพทย์ไต้หวันรู้ในพริบตาเดียว ก็น่าจะมีตำราหรือรายงานการแพทย์สักฉบับในโลกที่กล่าวถึง
- กุ้งจะไปเอาสารหนูในระดับที่ฆ่าคนได้มาจากไหนโดยกุ้งไม่ตาย ... อย่าลืมว่าสารหนู(As) เป็นธาตุไม่ใช่สารประกอบ ดังนั้นไม่มีทางผสมสารใดๆแล้วบังเอิญกลายมาเป็นสารหนูได้ ถ้าไม่มีสารหนูเป็นตัวตั้งต้น
- As2O5 จะเปลี่ยนเป็น As2O3ได้ ต้องใช้อุณหูมิ 300 องศาเซลเซียส
- As2O3 หรือ อาร์เซนิกไตรออกไซด์ มีพิษก็จริง แต่พิษของมันถ้าเกิดเฉียบพลันจะก่อให้เกิดอาการท้องเสียรุนแรง อาเจียนมาก ... ไม่ใช่เลือดออกทุกทวาร
- As2O5 หรืออาร์เซนิกเพนตาออกไซด์ก็มีพิษ กุ้งที่ไหนจะรับได้

ที่มาของFWD : พบFWDนี้ในinternet ตั้งแต่ปี2001 โดยเริ่มแรกจากข้อความสั้นๆและได้โดนพิสูจน์ว่ามั่วไปนานแล้ว แต่เมื่อเข้ามาในไทยในปี2007ก็ขยายความยาวของเนื้อหาและรายละเอียดหลายส่วนที่แก้ต่างข้อพิสูจน์เหล่านั้นไป

จริงๆเป็นForward Mail ที่ไม่น่าเชื่อถืออันนึง แต่โชคไม่ดีที่มีสื่อบางแขนงเอาไปเผยแพร่โดยไม่ได้ทำการตรวจสอบให้ดี(ทั้งที่ยุคนี้การตรวจสอบข่าวสารทำได้ง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ หรือแค่ถามแพทย์ที่ทำงานให้กับองค์กรสื่อแห่งนั้นก็ยังได้) ซึ่งจากการเผยแพร่ของสื่อนั้น ยิ่งทำให้คนที่ไม่รู้เข้าใจไปว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง

3. รู้ไหม ถ้าคุณกำลังจะหัวใจวาย การไอสามารถช่วยคุณได้

เนื้อหาของFWD << เริ่มด้วยการสมมุติว่ากำลังขับรถกลับบ้านตอนเย็น จากนั้นก็เจ็บหน้าอกเกิดอาการหัวใจล้มเหลว ... ซึ่งรู้ว่าต้องช่วยด้วยการนวดหัวใจ แต่การนวดหัวใจ (CPR cardiopulmonary resuscitation)ต้องทำโดยคนอื่น แล้วถ้าคุณกำลังจะหัวใจหยุดเต้นใครจะช่วยได้ ... ในเนื้อหาอ้างว่าการผายปอดด้วยการไอ หรือนวดหัวใจด้วยการไอ (Cough CPR) เป็นสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยสถาบันการแพทย์และถูกบรรจุในหลักสูตร โดยให้ไอไปเรื่อยๆเป็นจังหวะเพื่อกระตุ้นหัวใจให้ทำงาน

วิเคราะห์FWD >>
- เมล์ดังกล่าวจะมีการอ้างสถาบันสุขภาพของอเมริกาหลายแห่ง แต่อันที่แพร่หลายในไทยจะอ้าง JOURNAL OF GENERAL HOSPITAL ROCHESTER และ American Heart
Association ... ซึ่งสิ่งที่ค้นพบคือทั้งสองแห่งได้มีข้อความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ชัดเจนว่าไม่เคยมีการแนะนำดังกล่าว
http://www.viahealth.org/body_rochester.cfm?id=329
อันแรกเป็นLinkของโรงพยาบาล Rochester ที่ยืนยันว่าไม่เคยมีการแนะนำดังกล่าวในวารสารของโรงพยาบาล
และทางAmerican heart association หรือสมาคมโรงหัวใจสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของการแพทย์ด้านหัวใจของโลก ก็ได้มีความเห็นในwebsite เกี่ยวกับเรื่องCough CPRไว้ดังนี้ครับ
http://www.americanheart.org/presenter.jhtml?identifier=4535
ซึ่งสรุปใจความสั้นๆไว้ชัดเจนว่า
- การนวดหัวใจด้วยการไอ มีใช้ก็เฉพาะกรณีที่กำลังทำการสวนหัวใจอยู่แล้วไปสะกิดโดนบางจุดจนเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งแพทย์ที่สวนหัวใจจะสั่งให้คนไข้ไอ - ไม่เคยมีการสอนให้ทำCough CPR ในคำแนะนำสากลแก่ประชาชน (หรือบุคลากรทางการแพทย์ทั่วไป)
นอกจากนี้
- อาการเจ็บหน้าอก เป็นอาการของหัวใจขาดเลือด Myocardial Iscemia หรือ Myocardial Infarct การแก้ไขคือ พยายามให้ผู้ที่มีอาการ อยู่นิ่งๆและหยุดกิจกรรมต่างๆ อมยาใต้ลิ้นเพื่อลดอาการเจ็บปวด และกินยาป้องกันเกร็ดเลือดแข็งตัว จากนั้นก็รีบไปโรงพยาบาล
- การพยายามไอมากๆในคนที่มีอาการเจ็บหน้าอกของโรคหัวใจเป็นการออกแรง ซึ่งน่าจะให้ผลเสีย(ถึงตาย) มากกว่าผลดี
- หัวใจเต้นผิดจังหวะที่ไม่มีสาเหตุแน่ชัดอื่นๆ ไม่ได้รักษาด้วยการไอ
- แรงดันในช่องอกจากการไอ ไม่เพียงพอที่จะนวดหัวใจให้พ่นเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้
- ถ้าหัวใจของใครสักคนหยุดเต้น ความดันเลือดจะตกลงจนสมองหยุดทำงาน ... ซึ่งรวดเร็วเกินกว่าที่สมองจะสั่งการให้ไอได้ทัน

สรุปแล้วดูเหมือนกับว่านอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว หากผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีอาการเจ็บหน้าอกคนไหนเอาไปใช้ ก็อาจจะเกิดอันตรายได้มากกว่าที่จะเป็นประโยชน์

4. สูบบุหรี่ผิดด้าน ไปจุดเอาก้นกรองจะทำให้เป็นหมัน

เนื้อหาของFWD << บอกว่าในก้นกรองบุหรี่มีสารเคมีที่ทำให้เป็นมะเร็งและทำให้เป็นหมัน

วิเคราะห์FWD >> ค่อนข้างพิสูจน์ได้ง่าย
- ก้นกรองบุหรี่ ทำมาจากสารพวกเซลลูโลส พูดง่ายๆว่าทำมาจากเยื่อไม้ ... จากนั้นก็เอามาทาสีข้างนอกเป็นสีน้ำตาล สีขาว ฯลฯ ดังนั้นสูบก้นกรองเข้าไปก็ไม่ได้มีอันตรายเพิ่มไป
กว่าเดิม ที่จริง ก้นกรองเป็นส่วนที่ปลอดภัยที่สุดของบุหรี่ครับ
- ก้นกรองบุหรี่ที่อันตราย คือก้นกรองบุหรี่แบบเก่าๆ ที่ทำมาจากแร่ใยหิน Asbestos

สรุปแล้วมั่วมากครับ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าคนอ่านแล้วจับผิดได้ง่าย เมล์FWDนี้เลยไม่ค่อยแพร่หลายนัก
ที่สำคัญ เจ้าสารที่ทำให้เป็นหมันและมะเร็ง อยู่ในตัวยาสูบ ไม่ใช่ก้นกรอง ดังนั้นถ้าใครสูบบุหรี่อยู่แล้วสูบผิดด้านก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะด้านที่สูบตามปกติ ก่อมะเร็งได้ง่ายกว่าก้นกรองเป็นพันเท่า

5. กินฉี่หนูที่เปื้อนกระป๋องน้ำอัดลม ... ตาย!!!

เนื้อหาของFWDในไทย << เมล์เก่าแก่นี้เริ่มตั้งแต่เตือนว่าการมีคนตายจากการกินน้ำอัดลมโดยไม่ได้เช็ดที่ปากกระป๋อง จึงกินฉี่หนูที่ติดตรงนั้นเข้าไป หลังจากนั้นก็ป่วยหนักและตาย ... ต่อมาก็เริ่มมีการกล่าวอ้างเพิ่มขึ้น มีทั้งบอกว่าต้องไปรักษาที่รพ. หมอบอกว่าเป็นโรคฉี่หนู ต้องส่งมารักษาที่กทม. เสียเงินเป็นล้าน , มีการกล่าวอ้างว่าฉี่หนูเฉยๆกินเข้าไปก็ตายได้ , หรือแม้แต่ระบุที่ท้ายของFwd เป็นเบอร์โทรศัพท์ของกองสาธารณสุข

วิเคราะห์FWD >> เรื่องนี้ใครที่ทำงานด้านสาธารณสุข จะรู้ทันทีหลังจากอ่านว่า"มั่ว" , ใครที่บ้านมีหนูจะรู้ว่าเรื่องมันทะ:-)
- โรคฉี่หนูชนิดรุนแรง จะมีอาการไข้สูงหนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ ตัวเหลืองตาเหลือง ... ซึ่งอาการในเมล์มักจะเป็นอาการที่ไม่ใช่
- ฉี่หนูปกติ ต่อให้กินเข้าไปก็ไม่ตายครับ ฉี่หนูที่มีเชื้อกินเข้าไปโอกาสติดเชื้ออาจจะมีแต่น้อยมากๆ(ลงกระเพาะก็ตายไปเกือบหมด ถ้าจะติดก็คงจากแผลในปาก) ... จนถึงตอนนี้ผมก็ยังค้นหาเอกสารทางการแพทย์ที่บอกว่าฉี่หนูติดได้ง่ายๆจากการกินไม่พบเลย
- บ้านใครมีหนู คงรู้นะครับว่าฉี่หนูแห้งๆกลิ่นมันขนาดไหน ใครจะกินได้

ที่มาของFWD นี้ มันกระจายในอเมริกามาตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งอเมริกามีโรคฉี่หนูไม่มากเท่าเมืองไทย forwardเมล์นี้เลยค่อนข้างอยู่ยงคงกระพัน และถูกส่งไปส่งมาเรื่อยๆครับ

6. โค้ก เป็นสิ่งอันตรายมาก (ทำให้กระดูกผุ)

ตัวอย่าง FWD http://www.maama.com/reading/view.php?id=001590
เนื้อหาของFWD << เนื้อหาในนั้นจะกล่าวถึงการคุณสมบัติที่ทำให้โค้กดูเหมือนเป็นน้ำอัดลมที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เป็นกรดที่รุนแรง ... ลำพังตัวฟอร์เวิร์ดนี้จะไม่มีอะไร แต่มันเป็นการไปตอกย้ำความเชื่อที่ว่าการดื่มน้ำอัดลมทำให้กระดูกผุ น้ำอัดลมเป็นสารที่อันตราย ฯลฯ

วิเคราะห์FWD >>
- ถ้าตามเข้าไปดูในข้อมูลต่างๆในนั้น จะเห็นว่าเป็นข้อมูลที่ดูแล้วทำให้โค้กเป็นวัสดุกัดกร่อนที่มีฤทธิ์รุนแรง สามารถกัดกร่อนสิ่งต่างๆได้ การใช้งานก็ดูน่ากลัวสำหรับของที่จะเอามากิน
- (ปัจจัยในเวบบอร์ดต่างๆ และความเชื่อสมัยก่อน บอกว่าการดื่มน้ำอัดลมทุกชนิดทำให้กระดูกผุ เพราะกรดในน้ำอัดลมจะไปละลายกระดูก)
- โค้กมีpH ที่ประมาณ2.5 อันนี้ก็จริง ... แต่
- น้ำมะนาวมีpH 2-2.5 ส่วนกรดในกระเพาะอาหาร มีpH 1.5-2 กัดกร่อนยิ่งกว่าโค้กเสียอีก เรื่องคุณสมบัติที่ว่านั้นหากเอาน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูไปแทนที่ก็ทำได้เหมือนกัน (แต่Apple cider vinegarดันบอกว่าดีต่อสุขภาพ ทำไมไม่บอกว่ากัดกระดูกล่ะ)
- ในต่างประเทศของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีราคาแพง ในขณะที่โค้กมีราคาถูกมากและมีแพร่หลายทุกพื้นที่ ก็ไม่แปลกนักที่ชาวต่างชาติเขาจะใช้โค้กในการทำความสะอาดหรือใช้งานกันแปลกๆ (ก็มันประหยัด)
- เรื่องฤทธิ์กัดกร่อนกระดูกนั้น ที่จริงทางการแพทย์เคยเชื่อกันมานานและแนะนำอย่างนี้กันมานาน แต่ว่าในระยะหลังๆเริ่มมีงานวิจัยออกมาคัดค้าน เพราะว่ามีข้อสังเกตว่า กรดฟอสฟอริกที่เคยเชื่อว่าทำลายกระดูกก็มีในอาหารหลายชนิด แต่ว่าไม่ปรากฏว่าจะทำให้เกิดกระดูกพรุนได้
- งานวิจัยล่าสุดเมื่อปีที่แล้วในชุด The Framingham Osteoporosis Study ระบุถึงความเกี่ยวข้องของน้ำอัดลมต่อมวลกระดูก ก็บอกว่ามีโค้ก (แต่ไม่รวมถึงน้ำอัดลมแบบอื่นๆ)ที่ทำให้เกิดมวลกระดูกลดลง (แถมเกิดเฉพาะในผู้หญิง) http://www.ajcn.org/cgi/content/abstract/84/4/936 ... เลยทำให้ต้องกลับไปดูกันอีกว่า ตกลงแล้วน้ำอัดลมทำให้กระดูกพรุนได้อย่างที่เคยเชื่อจริงหรือ
- ข้อมูลที่บอกว่าดื่มน้ำป้องกันมะเร็งได้ อันนี้ไม่มีหลักฐานการวิจัยที่สนับสนุนชัดเจน

ดังนั้นเมื่อดูจากข้อมูลแล้วถ้าดูเผินๆจะไม่มีอะไร แต่มันสร้างภาพลักษณ์ที่เข้าใจผิดว่าการดื่มน้ำอัดลมก่อให้เกิดการกัดกร่อนในกระเพาะ(โรคกระเพาะ ?) และก่อโรคกระดูกพรุน ซึ่งจริงๆไม่เกี่ยวข้องกัน ..... และความไม่มีอะไรและการที่ความเชื่อเรื่องน้ำอัดลม"กัดกระดูก"มันเป็นควาเชื่อมานาน พอมีคนออกมาคัดค้านก็อาจจะโดนมองว่าไม่น่าเชื่อถือ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- แต่การดื่มน้ำอัดลมกลุ่มที่มีน้ำตาล ก่อให้เกิดโรคอ้วนและเบาหวานชัดเจน
- การดื่มน้ำอัดลมที่ใส่สารทดแทนความหวาน ก็ก่อความเสี่ยงเรื่องโรคอ้วนและเบาหวานได้เช่นกัน

7. Cravit ยาอันตรายที่ต้องระวัง

ตัวอย่าง FWD http://www.fwdder.com/topic/11326
เนื้อหาของFWD << เนื้อหากล่าวถึงการที่แพทย์จ่ายยาอย่างไม่จำเป็นเพียงเพื่อหวังยอดขายและเงินส่วนแบ่ง ในนั้นอ้างว่ายาจะทำให้กล้ามเนื้อถูกทำลาย มีการสร้างความน่าเชื่อถือโดยการอ้างว่ามีเภสัชกรมายืนยันว่าไม่ต้องกินก็ได้ ... และมีการแสดงตัวอย่างที่บอกว่าการกินยาตัวนี้ทำให้คนดีๆต้องมีอาการหนักขึ้น
วิเคราะห์FWD >> เรื่องนี้คนที่สร้างFWDน่าจะเป็นคนไทย ซึ่งขอแยกประเด็นเป็นดังนี้ครับ
- เรื่องการสั่งยาโดยไม่จำเป็น ... การให้ยาCravit โดยไม่จำเป็น ถามว่ามีไหมก็คงจะมี แต่เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังในการวิจารณ์ เนื่องจากผมเองเป็นหมอเอง เอายาที่หมอหรือ เภสัชกรจ่ายให้คนไข้มาดู ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่ายานั้นเหมาะสมหรือไม่ ดังนั้นเรื่องที่ว่าจำเป็นหรือไม่ต้องไปดูกันเป็นรายๆไป (ดังนั้นประเด็นนี้ไม่วิจารณ์ เพราะถ้าวิจารณ์จะเกิดการโต้เถียง) และเรื่องค่าคอมมิชชั่น อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ จะเห็นว่าเรื่องนี้จับเอาคนสองฝ่ายมาชนกันในFWD คือ หมอและเภสัชกร ... ซึ่งถ้าเถียงไปเถียงมา อาจจะเกิดกระทบกระทั่งกันเองได้ (ดังนั้นเรื่องผลประโยชน์ผมว่าคุยกันวันหลังดีกว่านะครับ)
- ในFWDบอกว่ามันเป็นยาแก้ปวดแต่ที่จริง Cravit เป็นตัวยาที่มีชื่อว่า Levofloxacin เป็นยาปฏิชีวนะ ที่มักใช้ในการรักษาโรคในระบบทางเดินหายใจและปัสสาวะ ... ในเมืองไทยการจ่ายยาตัวนี้แบบมีข้อบ่งชี้ ก็คือ การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่คาดว่าเชื้อจะดื้อยา ปอดบวม และ กรวยไตอักเสบ (แต่ปกติไม่ได้ใช้เป็นตัวแรกเพราะมันมีผลข้างเคียง)
- ข้อดีของยาตัวนี้ที่ทำให้นิยมในรพ.เอกชนคือ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล และ ไม่ต้องฉีดยา
- อาการที่ในFWD กล่าวถึงผู้หญิงฝ่ายMarketing พิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากยาหรือเกิดจากโรค เพราะสมมุติว่าคนนั้นเป็นกรวยไตอักเสบ อาการของกรวยไตอักเสบก็สามารถทำให้อาการหนักจนเข้าโรงพยาบาลได้เช่นกัน
- ถ้ายามันมีผลเสียจนมากเกินผลดีจริงๆ ในอเมริกาคงมีการฟ้องกันวุ่นวายแล้ว
- และถ้ามีผลเสียต่อสุขภาพถึงขนาดเป็นยาอันตรายที่ไม่ควรกิน ประโยชน์มากกว่าโทษ FDA เขาตัดทิ้งครับ ... เผลอๆบริษัทแม่เอาออกจากตลาดเอง เพราะว่าถ้าบริษัทเหล่านั้นโดนฟ้อง เขาถือว่าไม่คุ้มกัน

โดยสรุปแล้ว หากใครได้รับยานี้จากแพทย์ และคุณคิดว่าไม่มีความจำเป็น(แพง)หรือไม่อยากกิน(กลัว) ให้บอกกับแพทย์ตรงนั้นไปเลยครับ เพราะว่าถ้าคุณเกิดจำเป็นต้องกินยานั้นขึ้นมาแล้วคุณไม่กิน อาจจะเกิดอันตรายจากการติดเชื้อได้ ... หรือถ้าหากกินยาแล้วไม่ดีขึ้นแทนที่จะไปโทษว่ายาเป็นสาเหตุน่าจะต้องระวังเรื่องการติดเชื้อที่รุนแรงเกินกว่ายาจะรับมือไหวดีกว่าครับ
ปล. ยาตัวนี้ผมก็เคยกิน

8. ขวดน้ำPETไม่ควรใช้ซ้ำ เพราะว่ามีสารก่อมะเร็ง

เนื้อหาของFWD << กล่าวอ้างถึงกรณีเด็กที่กินน้ำจากขวดน้ำใช้ซ้ำเป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งตายลง ... ในเมล์มีข้อมูลว่าในขวดจะมีสาร DEHA ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ในเมล์เวอร์ชั่นหลังๆ จะมีการค้นเอาข้อมูลการก่อมะเร็งของสารดังกล่าวมาโชว์ด้วย

วิเคราะห์FWD >> เมล์นี้เป็นเมล์แรกๆที่ผมพยายามค้นหาคำตอบ เพราะปกติจะใช้ขวดน้ำซ้ำๆ
- FDA หรืออย.อเมริกาถือว่าขวดPETปลอดภัยในการใส่อาหาร
- งานวิจัยที่บอกว่าขวดPET มีสาร DEHA คือ http://www.riskworld.com/Abstract/2001/SRAam01/ab01aa189.htm ซึ่งเป็น Thesis ของนักศึกษาปริญญาโทหรือเอกนี่แหละ ... ซึ่งจากข้อมูลหลายที่ระบุว่าเกิดความเข้าใจผิดในชื่อย่อของสาร และการปนเปื้อนสารในการทดลองมากกว่า
- สารDEHAในเมล์ไม่ว่าของไทยหรือฝรั่ง จะลงชื่อว่า diethylhydroxylamine ... แต่ว่าสารที่ใช้ในการทำขวด PET คือ Diethylhexyl adipate
- ข้อมูลในIARC http://www.inchem.org/documents/iarc/vol77/77-02.html ของสารDI(2-ETHYLHEXYL) ADIPATE สรุปสั้นๆด้านล่างว่า "not classifiable as to its carcinogenicity to humans "
- การระบุว่าขวดต่างๆให้ใช้ครั้งเดียวทิ้ง... เป็นมาตรการเดียวกันกับที่เขียนไว้ที่หนังสือการ์ตูนว่า "เฉพาะสำหรับอ่าน" (ห้ามเอาไปเช็ดก้น) ผู้ผลิตมุ่งเรื่องป้องกันการนำไปใช้ซ้ำแล้วล้างไม่สะอาดทิ้งไว้จนอาจจะเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้ครับ

9. ดื่มน้ำเย็นหลังอาหาร ทำให้เป็นมะเร็ง

ตัวอย่าง FWD http://bbs.srp.ac.th/showthread.php?t=2902

เนื้อหาของFWD << บอกถึงการดื่มน้ำเย็นๆลงไป จากนั้นน้ำเย็นไปทำให้ไขมันจับเป็นก้อนสีขาวๆและไปจับลำไส้กลายเป็นมะเร็ง
วิเคราะห์FWD >> เอ่อ......-_-' อ่านดูเหมือนจะดี แต่ไร้สาระครับ
- ต่อให้กินอาหารที่เป็นมันๆลงไปแล้วดื่มน้ำเย็นตามจนเกิดไขมันจับเป็นลิ่มๆในท้องจริง แต่ท้องเราอยู่ในลำตัว ดังนั้นสักพักอุณหภูมิจะเปลี่ยนกลับเป็น 37องศาอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวมันก็กลายเป็นน้ำมันอยู่ดี
- ในชีวิตจริง เรากินมันหลายชนิดที่เป็นก้อนๆอยู่แล้ว ดังนั้นไขมันบางตัวจะไม่ละลายตั้งแต่ต้น
- กระบวนการย่อยไขมันใช้น้ำย่อย ... เป็นปฏิกริยาทางเคมี ต่อให้มันเป็นก้อนก็ย่อยสลายอยู่ดี
- สมมุติยังกลัวว่ามันจะไปจับลำไส้จริง ลำไส้คนเรามีการผลัดเซลล์เป็นระยะ ดังนั้นมันจับได้จับไป เดี๋ยวก็หลุดออกมาเอง
- ที่สำคัญที่สุด *** การเป็นมะเร็งในลำไส้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำเย็นครับ ... ถ้าจะเกี่ยวก็เกี่ยวกับการกินไขมันเยอะน้ำตาลเยอะกินกากใยน้อย ดังนั้นแก้ปัญหาผิดจุดเอามากๆ ***
จริงๆเป็นหนึ่งในฟอร์เวิร์ดที่ไร้สาระจนอาจจะไม่มีค่าควรเอามาไว้ แต่มันมีเหตุผลบางอย่างครับที่ทำให้ผมต้องเอามาใส่ไว้ ... ถ้าเจ้าตัวบังเอิญผ่านมาเห็นรบกวนอ่านด้วยแล้วกันครับ

10. ระวังแมงมุมใต้ห้องน้ำเครื่องบิน / ระวังแมงมุมเทลาโมเนีย

ตัวอย่าง FWD http://www.saranair.com/article.php?sid=9292 ภาษาไทย
http://www.health2know.com/killer-spider-on-the-loose-the-twostriped-telamonia ภาษาอังกฤษ พร้อมรูป
เนื้อหาของFWD << เล่าถึงแมงมุมพิษร้ายแรงบนเครื่องบินที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาก่อเหตุที่มาเลเซีย
วิเคราะห์FWD >> เรื่องนี้สืบค้นยากหน่อยนึง เพราะว่าเป็นภาษาไทยหมดโดยถูกแปลมาอีกที แต่เมื่อค้นจากชื่อแมงมุมกลับเป็นภาษาอังกฤษ เรื่องราวก็กระจ่าง
- แมงมุมเทลาโมเนีย เป็นแมงมุมกระโดดครับ (ไอ้ตัวเล็กๆที่โดดไปมาตามพื้นนี่แหละ) กัดคนได้ยังไงยังน่าสงสัยอยู่
- เมล์แบบนี้มีหลายversionมากๆๆๆ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อแมงมุม เปลี่ยนสถานที่เกิดเหตุ ... อันแรกๆอยู่ในอเมริกา จากนั้นก็เปลี่ยนที่ไปมาจนกระทั่ง เปลี่ยนที่เป็นเกิดเหตุในกัวลาลัมเปอร์ ก็ได้มีคนแปลเป็นภาษาไทยเนื่องด้วยเห็นว่าอยู่ใกล้เมืองไทย !!!
- พวกนี้มันจะอาศัยในเครื่องบินได้ยังไงครับ (หรือว่าเครื่องบินมีหนอนกะหล่ำให้มันกิน)
สรุปแล้ว ความหวังดีของผู้ที่ได้รับเมล์แล้วแปลออกมา ก็ทำให้เกิดความตื่นกลัวแมงมุมขึ้นมา(อีกครั้ง)

10 วิธีหลอกกอดสาว

10 วิธีหลอกกอดสาว


1. ดูหนังผีมีลุ้น
มุขนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาสุดยอดเคล็ดวิชา ที่จัดขึ้นหิ้งมุขคลาสสิคได้เลย ถึงแม้เหล่าคุณเธอส่วนใหญ่จะรู้ ทันกับมุข**ๆ ง่ายๆ แบบนี้ แต่ที่ไหนมีผีจำไว้ให้ดีว่าที่นั่นมีลุ้น หลักการง่ายนิดเดียว ท่องไว้ว่า "ผีโผล่เธอโผกอดป็น"
อ้าาาา เหมือนจะง่ายใช่มั้ย แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปอย่างนั้น เพราะยังมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ไม่กลัวผีในจอ พวกเธอเหล่านี้จิตแข็งพอที่จะแยกแยะออกว่ามันก็แค่คนทาขอบตาดำ ๆทำตัวแข็งๆ ก็เท่านั้น ในกรณีนี้แนะนำให้ข้ามไป level 2 คือ พาเที่ยวบ้านผีจริงๆซะเลย แล้วถ้าผีจริงยังเอาไม่อยู่ ให้คุณลองพิจารณาดูใหม่ว่าเธอ หรือผีกันแน่ที่น่ากลัวกว่ากัน

2. Hero กำมะลอ
อันนี้เป็นอุบายตื้นๆ ที่เห็นในหนังไทยทั่วไป วิธีการคือไหว้วานเพื่อนคุณสักคนสองคนที่ไว้ใจได้ และมี วิญญาณนักแสดงนิดหน่อย เข้ามาลวนลามทางวาจากับเธอ เมื่อนางเองกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็ถึงคิวพระเอกอย่างคุณที่จะต้องขี่ม้าขาวมาช่วยเธอ อย่ารีรอ รีบเข้าไปโอบกอดเธอเสมือน คุณนั้นเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แล้วพูดว่า "เฮ้ย ยุ่งอะไรกับแฟน++ว่า" เมื่อเหล่าร้ายเตลิดไปแล้ว ให้รีบเปลี่ยนบทกลับมาสู่ชีวิตจริงทันที "เออ ขอโทษที เมื่อกี๊ไม่ได้ตั้งใจ จริงๆ แล้วผมก็กลัวมากเลยนะ" เธอจะยิ้มหน้าแดง พร้อมกับตบไหล่คุณแก้เขิน แล้วพูดว่า "ไม่เป็นไรหรอก ก็เธออุตส่าห์ช่วยเรานิ่ขิน" **ะเช๊ะ ! ตามสูตรทุกประการ

3. ซ้อนท้ายสบายแฮ
หาวันดีๆชวนเธอไปขี่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เล่นกัน แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าคุณคือคนเมา เมาไม่ขับซ้อนได้อย่างเดียว ยิ่งเธอขี่ไม่แข็งเท่าไหร่ยิ่งดี ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเอื้อมมือไปช่วยบังคับ แฮนด์ซะแล้วแตะเบรคหน้าถี่ๆ ทีนี้ละพ่อ! นอกจากกอดแล้วยังได้ดมขี้หูขี้หัวถูไถกันให้ชื่นใจไปอีก แต่ก็ดูให้ดีหน่อยอุบาย แบบนี้เหมาะกับการขี่ที่ความเร็วต่ำและถนนโล่งเรียบ ไม่งั้นอาจได้กอดกันยิ้มแฉ่งเป็นคางคกแบนทั้งคู่

4. สิ่งประหลาดล้านชนิด
สืบมาให้ได้ว่าเธอกลัวสิ่งประหลาดประเภทไหน จิ้งจก หนู แมลงสาบ แมงมุม ตุ๊กแก งู ฯลฯ หาสิ่งเหล่านี้มาไม่ว่าจะเป็นแบบจำลองหรือตัวเป็นๆ เลือกใช้ในสถานการณ์ที่อยู่กันคนน้อยๆ ปล่อยมันออกมา แล้วรีบคว้าจังหวะที่เธอปี๊ดป๊าดกระตู้วู้เข้าไปโอบกอดให้ปลอดภัย แต่ในกรณีที่เธอกลัวสิ่งประหาดที่มีอันตรายมากๆ อย่างเช่น งูเกี้ยง ไม่ขอแนะนำให้ปล่อยมันอออกมาเด็ดขาด เพราะคุณอาจได้นอนกอดมุ้งสายบัวแทนตัวเธอก็เป็นได้

5. ปลาตอดหนุบหนับ
หาวันหยุดดีๆ ชวนเธอไปทะเลสวยๆ น้ำใสๆ แล้วลงไปเล่นน้ำกัน พยามว่ายไปในจุดที่ระดับน้ำสูงประมาณอก ดำน้ำลงไปแล้วใส่วิญญาณปลาหมึกว่ายเข้าปล่อยหนวดหนุบหนับตามแข้งขา แต่จำไว้ว่าอย่าตระกละ ตอดทีละนิดเพื่อให้เธอเห็นว่าเราขี้เล่นเป็นตัวไม่มีพิษภัย จากนั้นค่อยไปที่ level สูงๆ ไต่ขึ้นไปทีละหน่อย ตอดหนุบหนับๆบ่อยๆไปเรื่อย แต่ระวังไว้อย่าง ถ้าทะเลแถวนั้นหนาแน่นไปด้วยผู้คนต้องหาพิกัดจุดยืนของเธอให้แน่นอน ไม่งั้นไปกอดขาเมียชาวบ้านเดี๋ยวได้อาหารว่างเป็นแข้ง**ชุบน้ำเกลือ

6. mascot กอดเพลิน
ความน่ารักของเจ้าตัว mascot มีแรงดูดสาวๆและเด็กเสมอ ยิ่งเป็นชุดสวมด้วยแล้วยิ่งมีเสน่ห์เข้าไปใหญ่ สิ่งที่คุณต้องทำคือหาชุด mascot น่ารักๆสักตัวมาสวมในโอกาสพิเศษที่เกี่ยวข้องกับเธอไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันรับปริญญา วันฉลองได้รับตำแหน่งใหม่ แต่งานศพว่าที่พ่อตาแม่ยายหรือญาติโกโหติกาของเธออย่าทะลึ่งใส่ไปล่ะ อัตราโดนถีบมีเยอะกว่ากอด และที่สำคัญต้องระวัง mascot บางอย่างที่ให้ความหมาย ส่อเจตนามืด เช่น mascot ถุงยางอนามัย

7. ขาเพลงสำแดงฤทธิ์
ถ้าคุณเคยมีอาการขาแพลงมาก่อนคงแหลได้ไม่ยาก เริ่มจากนึกถึงความเจ็บปวดในช่วงนั้นแล้วดึงมันออกมาให้ได้ ใส่ความอ่อนแองอแงเข้าไปเยอะๆ แต่อย่าลืมว่าสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย หาจังหวะดีๆ ตอนทำกิจกรรมอยู่ใกล้ๆ เธอแล้วค่อยออกอาการ อาทิ เดิน วิ่ง เล่นกีฬา อย่าไปทะลึ่งขาแพลงตอนนั่ง กินหมี่เกี๊ยวล่ะ น่าสงสัย เมื่อออกอาการแล้วให้นั่งทุรนทุรายนานๆหน่อยอย่ารีบลุก รอจนกว่าเธอจะมาประคองแล้วค่อยพยุงตัวขึ้น จะกอดเอวกอดคอก็ตามสบายเลยพ่อคุณ

8. เสื้อกันฝนสุภาพบุรุษ ( อืม ดีๆ )
ถ้าฤดูฝนย่างเท้าเข้ามาจำไว้ว่าอย่าพกร่ม ให้พกเสื้อกันฝนอย่างเดียว ข้อดีของเสื้อกันฝนก็คือเราสามารถกางมันออกมาคลุมให้คนที่เราหมายปองได้ และจังหวะที่คลุมหัวนั้น คุณสามารถหาเศษหาเลยไปกับอาการเก้ๆ กังๆ กำลังดึงชายเสื้อได้อย่างแนบเนียน หมั่นดึงชายเสื้อบ่อยๆ ได้กอดอังๆหน่อยก็ยังดีนะ

9. สะดุดลม ( เจ๋งวุ้ย แผนนี้ )
ไม่ว่าจะอยู่ในงานรื่นเริงไหนๆก็สามารถใช้ท่านี้ได้เสมอ แค่ทำขาอ่อนไหวไวต่อความรู้สึกเจออะไรก็สะดุดจึ๊กๆไว้ก่อน โอเวอร์แอ็คชั่นมากๆยิ่งดีใหญ่ ไถลตัวเข้าไปอยากกอดเธอตรงไหนก็เลือกเอา แต่ขอให้ถือความ**เป็นที่ตั้ง

10. เหินฟ้าท้ากอด
กอดคนอื่นเป็นเรื่องง่าย แต่ทำให้เขากอดเรานี่สิยาก แนะนำให้เอาวิธีนี้ไปใช้กันครับ เพียงแค่คุณหาที่สูงและหวาดเสียวสักแห่ง ขึ้นไปยืนบนนั้นแล้วประกาศออกมา “ผมอยากตายน” รอเวลาอีกนิดหน่อยให้ตำรวจเดินทางมาถึงแล้วยื่นข้อเสนอต่อรอง บอกเขาไปว่าอยากเจอหน้าคนรักหรือคนที่กำลังแอบรัก แต่ต้องเตรียมเบอร์โทรของเธอ เลือกสถานที่ให้ใกล้ย่านที่เธอพักอาศัยและตรวจตราวันเวลาให้รอบคอบว่า เธอไม่ไปไหนไกลแน่นอน เท่านี้ก็เตรียมวงแขนอุ่นๆ ของคุณไว้กอดได้เลย แต่ถ้าพลาดตกลงมาตายห่าก่อน ก็ซวยไป เขียนความต้องการสุดท้ายใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก็ดีเผื่อเธอจะได้มากอดส่งวิญาณ

อยากให้อ่าน อีกมุมมองของชีวิตคน

~ อีกมุมมองของชีวิตคน ~



มีคู่รักคู่หนึ่งนั่งรถเมล์ที่กำลังตรงไปในเมืองในหุบเขา มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้ลงกลาง ทาง หลังจากที่พวกเขาได้ลงแล้ว รถเมล์ก็วิ่งต่อไป แต่เพียงไม่นานก็มีหินก่อนขนาดมหึมา ได้ตกลงมาจากที่สูงมาก และทับรถเมล์คันนั้นพังยับเยิน ทุกคนที่อยู่ในรถในเวลานั้นเสียชีวิต ทั้งหมด คู่รักคู่นั้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พูดขึ้นว่า ' ถ้าพวกเรายังอยู่ในรถคันนั้นก็ดี น่ะซิ! '

คนส่วนใหญ่น่าจะคิดว่า ' ยังดีนะที่เราลงจากรถก่อน! ' แต่คู่รักคู่นี้กลับพูดสิ่งที่ต่างจากคน ส่วนใหญ่ คุณคิดว่าเพราะอะไร ???
--------------------------------------------------------------------------------

ตอบมาก่อนนะว่าคิดว่าไง เดี๋ยวจะเฉลยทีหลัง




*******




ขอเฉลยนะครับ





ถ้าพวกเขายังคงอยู่และไม่ได้ลงจากรถ รถเมล์คันดังกล่าวก็จะไม่ต้องหยุดรถเพื่อพวกเขา และจะขับเลยตำแหน่งที่หินถล่มลงมา!!

ในชีวิตของพวกเรานั้น ให้ลองมองด้วยมุมมองที่ต่างจากของตัวเองและพยายามเข้าใจและช่วยเหลือผู้
อื่นมากขึ้น อย่าได้ใช้ชีวิตอย่างขาดสติและเฉยเมย ทำเพื่อตัวเองอีกต่อไปเลย

คุณตอบปริศนาข้างบนถูกมั้ยครับ ? ถ้าคุณตอบถูก(โดยไม่เคยอ่านที่อื่นมาก่อนนะ) แปลว่าผมตาถึงมาก
ที่ได้คุณมาเป็นเพื่อน แต่ถ้าคุณตอบผิด ก็ยินดีกับคุณด้วยที่เป็นเหมือนผม และขอให้ช่วยส่งข้อความนี้
ต่อไปให้กับเพื่อนที่คุณรักด้วย

นายจู๋ ขอเงินเดือน

เรียนผู้จัดการฝ่ายบุคคล

กระผม นายจู๋มีความประสงค์ขอขึ้นเงินเดือนโดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้
1. กระผมเป็นผู้ใช้แรงงาน
2. กระผมทำงานในที่ลึกมาก ....
3. กระผมต้องสอดหัวเข้าไปก่อนทุกครั้งที่ทำงาน
4. กระผมไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์และไม่เคยหยุดวันนักขัตฤกษ์
5. กระผมทำงานในที่มีสภาวะแวดล้อมอับชื้น !!!
6. กระผมทำงานในที่มืดและไม่มีอากาศถ่ายเท
7. กระผมทำงานในที่ร้อนอบอ้าว
8. กระผมไม่เคยได้รับค่าล่วงเวลา
9. กระผมทำงานที่เสี่ยงกับโรคติดต่อ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

จดหมายตอบจากทางฝ่ายบุคคล

เนื่องจากคณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นว่า
คุณไม่สมควรได้รับการขึ้นเงินเดือนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ
เป็นพนักงานที่ดีหลายประการ ดังที่ได้แจ้งหลายละเอียดดังนี้
1. คุณไม่ได้ทำงาน 8 ชม / วัน
2. คุณงีบหลับหลังจากเสร็จงานเสมอ
3. คุณไม่ทำตามคำสั่งบ่อยๆ
4. คุณไม่ชอบทำงานในที่ประจำของคุณ และชอบแว๊บไปรับงานที่อื่นบ่อยๆ
5. คุณมักไม่ทำงานโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และหลายครั้งที่หยุดงานกลางคัน
6. คุณไม่มีความเป็นผู้นำ ต้องอาศัยแรงกระตุ้นจากภายนอกให้ทำงาน
7. คุณทิ้งให้ที่ทำงาน สกปรกเลอะเทอะทุกครั้งเมื่อเสร็จงาน
8. คุณมักไม่ชอบปฎิบัติตามกฎแห่งความปลอดภัย โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน
9. หลายครั้งคุณไม่สามารถทำงานควบสองกะต่อเนื่องได้

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

Subject: ข่าวด่วน !! ไม่ใช่ข่าวดี สำคัญมากๆ

ข่าวด่วน !! ไม่ใช่ข่าวดี สำคัญมากๆ

ได้รับข่าวมาเมื่อเช้าวันนี้เองว่า ให้ระวังการระบาดของไวรัสมือถือ หรือ ไวรัสโทรศัพท์เคลื่อนที่

ถ้ามีเสียงกริ่ง ดังเข้าเหมือนมีคนโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของท่าน
ให้ดูที่หน้าจอ.... ถ้าขึ้นตัวอักษรเพียงสามหลัก คำว่า R C A แล้ว อย่ารับสาย ให้กดดับไปเลย
เพราะถ้ารับเมื่อใด เครื่องจะรับและอัพเดทไวรัสดังกล่าว เข้าสู่ระบบของตัวซิมและ ตัวเครื่อง ส่งผลให้ซิมการ์ดเสียหายและเครื่องน็อค ทำให้ไม่สามารถรับซิมการ์ดใดๆ ได้อีก

สำหรับโทรศัพท์มือถือระบบ Digital (ดิจิตัล) จะปรากฏคำว่า A C E-?
ห้ามรับสาย! ให้กด ยกเลิกสายทันที
ถ้ารับสายโทรศัพท์จะติดไวรัส และ ไวรัสจะลบข้อมูลของ IMIE และ IMSI ทั้งในเครื่องและใน SIM Card
ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์มือถือ ไม่สามารถติดต่อกับระบบเครือข่ายได้ จะต้อง! ซื้อเครื่องใหม่

ข้อมูลนี้
ได้รับการยืนยันจาก Motorola (โมโตโรล่า) และ Nokia (โนเกีย)
ขณะนี้ มีโทรศัพท์ในอเมริกา และ ยุโรป กว่า 3 ล้านเครื่อง ติดไวรัสนี้แล้ว

อ่านข่าวนี้ได้จาก เว็บไซด์ CNN Web Site

ฝาก ส่งข่าวนี้ ให้ท่านอื่นๆ ด้วยครับ ...



--
นายแพทย์อลงกต โกศัลวิทย์